วันพุธที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เที่ยวกัมพูชา เวียดนาม ตอนรับสงกรานต์ ตอนที่ 8

เป็นอย่างไรบ้างค่ะ หลังจากที่ติดตามกันมาอย่างเหน็ดเหนือยของการเที่ยว กัมพูชา แล้วก็มาถึงตอนที่ 8 แล้วค่ะ และตอนนี้เราก็จะได้มีโอกาสไปเวียดนามกันแล้ว ตื่นเต้นมั้ยค่ะ ส่วนเราตื่นเต้นมากเลยค่ะ ไม่เคยมีโอกาสได้เดินทางไปเวียดนามมาก่อน เดาไม่ออกเลยค่ะว่าข้างหน้าจะเจออะไรบ้าง เพราะตอนอยู่นี้ก็เกือบแย่เมื่ออยู่ในบริเวณ ที่ชาวบ้านเค้าฟังภาษาอังกฤษไม่ได้แล้วก็พูดไม่ได้อีก เง้ออ ความรู้สึกเหมือนงานเข้า แล้วต้องฝืนชะตาไปเวียดนามอีก เอ่าฟ่ะ !! เป็นไงเป็นกัน คุณพระคุ้มครองเราทั้งคู่ด้วยนะ อิอิ

เมื่อมาถึง บขส. โสรยา คนครึกครักกว่าที่คิดคนที่นี้เข้าข้ามแดนกันเป็นเรื่องปกติ ตอนซื้อตั๋วเหมือนว่าทุกคนเค้ารู้จักกันหมด อารมณ์เหมือนเวลาเราไปตามชนบทค่ะ คนรู้จักหมดทั้งหมู่บ้าน ที่นี้เค้าก็นิยมกินบาเก็ตเหมือนที่ลาวเลย แล้วก็เป็นอาหารไม่มากที่เราพอกินได้ เพราะต้องยอมรับค่ะว่าอาหารที่นี้ไม่ใช่แนวที่ผู้เขียนชอบเท่าไร (จริงๆเราก็เป็นคนกินง่ายนะ แต่แอบเลือกมาก)

เป็นไงค่ะครึกครักอะป่าวว

ได้ตั๋วผ่านด่านมาแล้วค่ะ ตั๋วนี้รวมทุกสิ่งอย่างให้เราแล้วนะ ไม่ว่าจะเป็นค่าผ่านแดน+ค่าเดินทาง แต่ไม่มีบริการอาหารนะ 

นี้ค่ะบรรยากาศของภายในรถ เหมือนกับรถบัสที่เดินทางระหว่างจังหวัด บ้านเรานั้นแหละค่ะไม่มีแอร์นะ 

ก่อนรถออกเดินทาง กับช่วงเวลาอีก 6 - 8 ชม.ข้างหน้า

นี้ค่ะเสบียงสำหรับมื้อเที่ยงกับสองพี่น้อง ปาท่องโก๋

ไม่รู้หออะไรเหมือนกันเห็นแปลกเลยถ่ายมา เพราะเราไม่ค่อยเห็นตึกแบบนี้ที่นั้นเท่าไร ใครก็บอกด้วยนะ 

คันนี้ป้าๆ แกไปวัด ดูอบอุ่นดีนะ ไปกันเยอะเชียว

เมื่อนั้งรถมาประมา๊ณ 3 ชม. กว่า ก็มาข้ามแดมของพนมเปญ ซึ่งรถที่เรานั้งมาต้องผ่านแพยนต์ค่ะ สำหรับคนที่อยู่ในเมืองของบ้านเราคงนึกไม่ค่อยออก เป็นแพขนาดใหญ่เหมือนเรือบรรทุกอะค่ะ แล้วก็มีคนมาขายของ อารมณเหมือนเวลาเรานั้งรถไฟที่บ้านเราแล้วมี ไก่ย่างถั่วต้มมาขายให้กินเพลินระหว่างการเดินทาง อันนี้ก็เป็นผลไม้ แล้วเม็ดบัวสด เอามากินเหมือนขนมกินเล่นอะค่ะ :)

ฝั่งที่เราข้ามมา อยู่อีกฟากโน้นนน

แล้วก็ขับมาสักชมเห็นจะได้ ก็มาถึงชายแดนกัมพูชา และก็พบสถานที่ยอดฮิตของไอโซบ้านเรา ไอยะ!! คือก็คือ คาสิโน นั้นเอง แต่เราก็แอบสงสัยว่าทำไมพอเค้ารู้ว่าเราเป็นคนมาผ่านแดนใครๆก็ตื่นเต้นนัก มาล้อมเรา มาพูดกับเราเหมือนเป็นดาราเลยคะ  เอาเป็นว่าก็ดีแล้วนะ ที่เค้าไม่ได้เกลียดเรา ไม่งั้นคงไม่รอดกลับบ้าน

นี้คร้าาา ด่านตม. ระหว่างประเทศกัมพูชา ไปเวียดนาม เรามานับถอยหลังกันนะ  ประมาณ 5 นาที ก็ถึงดินแดนเวียดนามแล้วววว 

แล้วมาอ่านต่อในตอนที่ 9 นะ กับการเดินทางที่เวียดนาม จากพี่น้องสาว ปาท่องโก๋ ... จุ๊บๆๆ 

วันอาทิตย์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เที่ยวกัมพูชา เวียดนาม ตอนรับสงกรานต์ ตอนที่ 7

สั่งชุดอาหารซีฟู๊ดมากินสักหน่อยดีกว่า มาที่นี้น้ำจิ้มให้เลือกก็ไม่มากเท่าไร แต่รสชาติแปลกจากที่เคยกินมา เมื่อทายรวมกับอาหารซีฟู๊ดก็ลงตัวดีค่ะ โดยรวมถือว่าชอบมากค่ะ และครั้งนี้ก็รู้สึกดี ที่มีโอกาสมาพบเพื่อนอีกครั้้ง เป็นชาวอเมริกามีชื่อว่า เจสัน เจสันเป็นทั้งอาจารย์และเพื่อนที่เคยสอนภาษาอังกฤษสมันตอนเรียนอยู่ที่ ECC ค่ะ 

น้ำจิ้มซีฟู๊ดรสชาติเลิศ


มีเครื่องที่ใส่เพื่อเพิ่มรสชาติในน้ำซุป เหมือนจะเป็นน้ำพริกเผาคั่วกับกระเทียมสับ นอกจากนี้เสริฟ พร้อมกับพริกสดสับละเอียด และกระเที่ยมสับ สำหรับคนที่ชื่นชอบเครื่องเทศค่ะ

รอประมาณไม่นานไม่เกินห้านาที พนักงานก็มาเสริฟชุดซีฟู๊ดจานนี้ ลักษณะเหมือนในเมนูทุกประการ

ข้าวโพดอ่อนทานลากในน้ำซุป แซ่บมากก 

พอเสริฟครบชุด ก็เยอะเหมือนกันนะเนี่ย 

ก่อนจะทานเหลือบเห็นน้ำผลไม้แปลกตา ไม่รู้ว่าเรียกเป็นชื่อภาษาไทยว่าอะไร แต่เมื่อทานแล้วก็เหมือนทานน้ำฝรั่งผสมน้ำส้ม อร่อยมากค่ะ
ขณะทานก็เม้าซี่กับเพื่อนไปเรื่อย ถามเรื่องการทำงานที่กัมพูชาว่าเป็นอย่างไรบ้าง เพื่อนคนนี้ทำงานมาหลายประเทศมากค่ะ เป็นอาจารย์สอนภาษาอิสระ อาศัยการทำงานเป็นการท่องเที่ยวเลยได้เที่ยวทั่วโลกเลยค่ะ ใครจะเอาแนวคิดนี้ไปใช้ก็ไม่ว่ากันนะค่ะ ว่าแล้วทานกันอิ่มๆก็ถึงเวลามาเดินยืดเส้นสาย เพื่อลดแคลอรี่ที่ทานไป 

บรรยากาศในห้างค่ะ 
จากนั้นมีแผนว่าจะไปเลือกอะไรถูกๆมาทานเล่นกันหน่อย เดินลงไปชั้นล่างสุดของห้างเป็นซุปเปอร์มาเก็ต เป็นสินค้าที่เป็นบรรจุภัณฑ์ภาษาไทย ก็เลยดีใจถ่ายรูปมาหน่อย พอถ่ายไปได้สักพักก็มีพนักงานกัมพูชาเดินมาอย่างรวดเร็ว แล้วพูดประมาณว่า อย่าๆๆถ่าย (เป็นภาษากัมพูชาแต่เราก็พอเดาได้) เราก็เลยเก็บกล้องไว้
หาทานอาหารไทยได้ไม่ยากด้วยซองเครื่องปรุงสำเร็จรูป แค่ฉีกซองแล้วใส่เนื้อ อิอิ ส่วนอีกภาพก็เป็นไอติมหลอดที่เคยทานสมัยเด็ก ได้มาทานอีกครั้งในบรรจุภัณฑ์ที่เก๋ไก๋กว่าเก่า 


ส่วนนี้ก็เป็นไวตามิล ที่ยังไม่เห็นในบ้านเรา แต่คิดว่าไม่นานก็อาจมีวางขายตามท้องตลาดบ้านเราเป็นแน่ โดยปกติเท่าที่สำรวจมาที่พนมเปญจะไม่ค่อยมีอาหารหรือสินค้าที่เป็นของพื้นที่มากนัก ส่วนใหญ่จะนำเข้าจากที่อื่นๆ และประเทศใกล้เคียงทำให้อาหารและสินค้าที่นี้ค่อนข้างแพงค่ะ หลังจากนั้นก็ตะลอนขับจักรยานเที่ยวกัน เสมือนเป็นการอับสีผิวที่เดิมที่ก็เข้มมาอยู่แล้ว และแล้วก็ตกค่ำก็มาเดินแถวสถานีรถไฟ เห็นรถโรตีเหมือนๆบ้านเราเลยเข้าไปใช้บริการสักหน่อย 

โรตีที่นี้ ไม่ใส่ไข่ตกแผ่นละ 12 บาท ถ้าใส่ผงไมโล ก็ 17 บาท ถ้าใส่ไข่จะอยู่ที่แผ่นละ 20 บาท แผ่นขนาดจะเท่ากับที่บ้านเรา แต่ราคาก็อย่างที่บอกค่ะ อาจจะเท่ากับบ้านเราในบ้างพื้นที่ และแพงว่าเราเมื่อเที่ยบกับในบางจังหวัดค่ะ

โรตีใส่ไข่ที่พนมเปญ ไม่ใส่ไข่ขาว มีแต่ไข่แดง เค้าจะกรองใข่ขาวออก แต่ส่วนตัวแล้วชอบให้ใส่ไข่ขาวไปด้วยมากกว่า แต่บอกไม่ทันเพราะเค้าทำไปละ อิอิ

พรีเซ่นเตอร์อยากนำเสนอ
เสร็จจากภาระกิจการนำเที่ยววันนี้ก็เมื่อยน่องมากค่ะ เพราะว่าต้องนั้งจักรยานและเดินทั้งวัน กินเสร็จก็ถึงเวลาที่เราก็เดินกลับที่พัก ไปชำระล้างร่างกายที่เหม็นสุด คริๆ และนอนเก็บแรงเพื่อ หาประสบการณ์ใหม่ในต่างแดนกันต่อ หลับฝันดีราตีสวัสดิ์ค่ะ

วันอังคารที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เที่ยวกัมพูชา เวียดนาม ตอนรับสงกรานต์ ตอนที่ 6

จากวันที่ผ่านมา เราได้พาไปช๊อปที่ตลาดพาทะเมย กันเบาๆ  ก่อนจะไปเที่ยวยังที่ต่อไปในเช้าของอีกวันจะแนะนำขนมหวานพื้นบ้านของที่นี้ และคิดว่าเพื่อนที่บ้านเราบ้างคนก็นะจะเคยกินไปบ้าง ในก็คือ Cambodia sugar ได้ยินชื่ออย่างนี้บางคนอาจสงสัยว่าขนมที่ว่าคืออะไร นั้นก็คือ น้ำตาลแว่นนั้นเอง ซึ่งก็กลายเป็นขนมขึ้นชื่อของที่นี้ไปแล้ว โดยที่เห็นจากในภาพเป็นของที่ระลึกที่ได้จากสนามบินค่ะ 


เล่าถึงสถานที่เที่ยวในพนมเปญมามากมายแล้วยังไม่ได้แนะนำที่พักเลยค่ะ ห้องที่พักกว้างพอสมควรค่ะ โดยเป็นเตียงขนาด King bed สองเตียงในห้อง ภายห้องก็มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบค่ะที่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็น โต๊ะเขียนหนังสือ ที่นั้งพัก โทรทัศน์ (มีช่องไทยให้ดูด้วยนะ สำหรับคนติดหนังภาคค่ำไม่ต้องกลัวพาดค่ะ) แอร์ แล้วเป็นคีการ์ดค่ะ นอกจากนี้ยังมีบริการสั่งอาหารด้วยค่ะ ราคาตามที่เสนอไว้ในใบสั่งอาหารค่ะ ส่วนในห้องน้ำก็มีเครื่องทำน้ำอุ่นค่ะ ราคาห้องที่นี้ก็ไม่แพงค่ะ ไปพักสองคน ตกคืนละ ไม่เกิน 700 ค่ะ ราคาก็สมเหตุผลนะค่ะ พนักงานต้อนรับบริการดีค่ะ อ่อ โรงแรมเค้าจะมีน้ำขวดใหญ่ให้สองขวดต่อวันค่ะ ถ้าเราทานไม่หมด เค้าก็ไม่นับนะ เพิ่มให้ตามวันที่พักเลยค่ะ

โรงแรมนี้ชือว่า Phkar chhouk tep monireth hotel อีเมล์: hotel.luckystar@gmail.com อยู่ติดถนนใหญ่ไม่ไกลจากวงเวียน Olyทpic Stadium ตอนค่ำจะมีร้านขายซีฟู๊ดขายหน้าโรงแรม ทานแล้วอร่อยดีนะ

บรรยายภายในห้องน้ำค่ะ กระเป๋าและห้องรกมาก คริๆ 

จากวิวห้องสามารถเปิดกระจกรับลมได้ค่ะ ข้อเสียของการพักที่ริมถนนคือจะได้ยินเสียงแตรรถตลอดทั้งวัน ข้อดีคือสะดวกต่อการเดินทาง เหมาะสมสำหรับคนที่ชอบเที่ยวแบบเบกเป้ที่สุด

เดินทางจากที่พักไปทางขวา ประมาณร้อยเมตรก็จะเจอร้านก๋วยเตี๊ยวร้านนี้รสชาติและราคาไม่แพงมาก อาหารที่กัมพูชาส่วนใหญ่ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเที่ยบกับบ้านเรา อาจเป็นเพราะว่าสินค้าส่วนใหญ่ที่นั้นจะนำจากประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงข้าวหอมค่ะ ซึ่งราคาอาหารที่เป็นเมนูข้าวจะอยู่ที่ราคา 3 เหรียญดอลล่า ประมาณ เก้าสิบบาท ในพนมเปญเราสามารถจ่ายเงินดอลล่าห์ หรือเรียลค่ะ

ถ้ามาร้านนี้แนะนำให้สั่งก๋วยเตี๊ยวหมูค่ะ เจ้าของร้านร้านนี้สามารถพูดไทยได้นิดหน่อยค่ะ 

ส่วนนี้คือน้ำจิมที่ใช้จิ้มเนื้อค่ะ ตอนที่เป็นตอนแรกเข้าใจว่าเป็นน้ำสุกี้ แต่เจ้าของร้านบอกว่าไม่ได้ราด ให้จิ้มเนื้อในถ้วย 

สำหรับคนที่ชอบทานชาเย็นเป็นชีวิตจิตใจ ต้องทำใจนะ เพราะเข้าจะเสริฟแบบในภาพมาให้เรา เวลาสั่งให้บอกว่าชานมเย็นนะค่ะ ถ้าบอกชาเย็นเค้าจะเอาชาจีนใส่น้ำแข็งมาให้ค่ะ รสชาติของชานมเย็นแก้วนี้ก็โอเคนะ อร่อยไปอีกแบบ แต่สำหรับคนของหวานก็สามารบอกเค้าเพิ่มน้ำได้ค่ะ แต่เค้าจะไม่ใส่นมจืดให้ค่ะ ดังนั้นอาจจะขาดรสชาติมันๆเล็กน้อย

ก๋วยเตี๊ยวหมูค่ะ ขอย้ำว่าหมูจริงๆ หมูเยอะมากค่ะ รสชาตินุ่มมากๆ รีวิวแล้วน้ำลายจะไหล คริๆ ราคาจานนี้ รวมชานมเย็น 5 เหรียญค่ะ  เมื่อท้องอิ่มกันแล้วก็ถึงเวลาเดินทางกันต่อ ครั้งนี้เรามีเพื่อนร่วมทางเพิ่มค่ะ เป็นชาวไทยที่มารู้จักกันอีกตามเคย ซึ่งเป็นเพื่อนของเพื่อนฝรั่งที่ทำงานที่นี้ค่ะ เลยได้โอกาสเที่ยวด้วยกัน วันนี้การท่องเที่ยวได้บรรยากาศไปอีกแบบ เพราะเราเปลี่ยนการเดินทางจากการเดินเท้า หรือด้วยรถโดยสารเป็น คาราวานจักรยานค่ะ เห็นแล้วน่าสนุกใช่ไหม ขอบอกว่าการขับรถจักรยานเที่ยวพนมเปญสนุกมากค่ะ
พี่อ้นค่ะ น่ารักมากค่ะ ดูแลเราดีมาก

ขับมาเรื่อยๆ ผ่านวงเวียนเพื่อมาห้าง City Mall ค่ะ เป็นห้างที่มีโรงหนังด้านใน เป็นห้างใหม่ในกรุงพนมเปญ 

คาราวานจักรยานนานาชาติ ในกรุงพนมเปญ 

หาที่จอดรถหลังห้างมาดูหนังภาพยนต์ แล้วรู้สึกแปลกใจมากว่าที่นี้หนังไทยมาฉายเยอะมากหลายเรื่องเลยค่ะ รู้สึกเหมือน Thai fever 

เที่ยวมาสักพัก ท้องก็เริ่มหิว เดินตะเวน ในห้างเพื่อหาอะไรน่าสนใจมาทานกัน ในห้างส่วนใหญ่จะเป็นฟาสฟู๊ด แต่เมื่อเดินมาชั้นสาม ริมบันไดเลื่อน เป็นชุดอาหารซีฟู๊ด ทั้งหมดนี้ 15 เหรียญ และค่าน้ำ 9 เหรียญ

"จะเอาเมนูไหนดีค่ะ"

เที่ยวกัมพูชา-เวียดนาม ตอนรับสงกรานต์ ตอนที่ 5

หลังจากที่เที่ยวโบราณสถานในกรุงพนมเปญ จนเต็มอิ่ม พอตะวันเริ่มคล้อย เรามาเดินช็บที่ตลาดกันค่ะ ระหว่างเดินทางไปตลาดใหม่ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า พะซาเทมย เราก็ได้ผ่านสำนักงานไปรณีย์ที่เก่าแก่ของพนมเปญ แต่เนื่องจากงานนี้เราไปถึงเวลาเย็นมากเลยไม่ได้เข้าไปดูบริเวณข้างในค่ะ

สำนักงานไปรษณียน์

ระหว่างเดินทางไป ได้แวะถ่ายรูปเบาๆแถววัดพนม โดยอ้อมวงเวียนย่านสำนักงานราชการของเมืองพนมเปญ

หลังจากที่เดินทางมาสักระยะก็ถึงแล้วค่ะ

เลยขอถ่ายรูปเก็บเป็นที่ระลึกกันสักหน่อย 

บริเวณวัดพนมเป็นบริเวณที่มีความร่มรื่น มีคนพื้นที่จำนวนไม่น้อยค่ะ ที่เดินขึ้นบันไดนี้ไปดูวิวด้านบน 

บางคนก็ใช้พื้นที่นี้เป็นพื้นที่ออกกำลังกายวิ่งเล่นกับครอบครัวยามเย็น วัดพนม ว่ากันว่ามีชื่อมาจากคำว่าพนมเปญ โดยสร้างจากแรงศรัทธา ของยายเพ็ญ จัดว่าเป็นเศรษฐีนีที่เลื่อมใส่ในศาสนา กว่า 600 ปีมาแล้วค่ะ นางซึ่งเป็นผู้เลื่อมใสในพระพุทธศาสนาจึงสร้างวัดบนยอดเขาเล็ก ๆ บริเวณใกล้ ๆ เพื่ออัญเชิญพระพุทธรูปทั้งสี่องค์มาประดิษฐาน ณ วันที่นางสร้างขึ้น ถึงแม้ยอดเขานี้จะสูงเพียง 27 เมตร แต่นับเป็นบริเวณที่สูงที่สุดในละแวกนี้  ซึ่งต่อมาชาวบ้านจึงเรียกวัดแห่งนี้ว่า “วัดพนม” ต่อมาภายหลังเมื่อมีการสถาปนาบริเวณนี้เป็นเมืองหลวงจึงเป็นที่มาของชื่อ พนมเปญ ตามชื่อของวัดแห่งนี้ ซึ่งถ้าหากใครมาพนมเปญแล้วไม่ได้แวะมาเยือนวัดแห่งนี้ถือว่ามาไม่ถึงนะค่ะ โดยหน้าวัดได้สร้างเจดีย์ไว้เพื่อเป็นอนุสาวรีย์ความภาคภูมิใจของชาวกัมพูชาที่ได้จังหวัด อเสียมราฐ พระตะบอง และศรีโสภณ จากสยาม โดยอาศัยการยึดครองผ่านประเทศฝรั่งเศส ดังนั้นจึงเป็นที่มาของพนมเปญ ที่แปลว่า เขายายเพ็ญนั้นเอง หลังจากเดินเล่นกินลมชมวิวจนหน่ำใจก็ถึงเวลาไปช็อปปิ้งกันแล้วค่ะ

เดินมาเรื่อยก็ถึงแล้วค่ะ ปลายทางสำหรับวันนี้ ขอบอกเลยว่าขาลากมาก แต่ก็ยังคงมีความโชคดีในความลำบากค่ะ การเดินด้วยเท้าและแผนที่น้อยทำให้เรามีความชำนาญเส้นทางนั้นเอง เมื่อเดินเข้าไปในตลาดก็จะพบเห็นหอนาฬิกา ซึ่งหากเหงนหน้าตรงนั้นก็จะพบสถาปัตยกรรมฝรั่งเศสที่สร้างไว้ครั้งมาครอบครองกัมพูชา และถือว่าเป็นอีกที่หนึ่งที่ยังคงสมบูรณ์ และยังคงใช้ประโยชน์ดั้งเดิมมาเนินนาน ตลาดพะซาเทมย สร้างขึ้นเมื่อปี 1937 ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่ที่ขายในตลาดนี้จะเป็นของใช้ในครัวเรือน เสื้อผ้า ทั้งของแท้และของปลอม รวมถึงนาฬิกาแบรนแนม ต่างๆ แต่ขอแนะนำว่าหากอยากซื้อสิ้นค้าติดไม้ติดมือ อย่าลืมต่อรองราคาด้วยนะค่ะ เพราะราคาส่วนใหญ่จะเป็นแบบบอกผ่านที่แพงพิเศษ เอิ๊ก หากดูเผินราคาจะพอกับบ้านเรา แต่ถ้านักช็อบตัวจริงจะได้ราคาที่ถูกกว่ามากค่ะ

ด้านหน้าของตลาด

ถ้ามาตลาดนี้จะเป็นกลเม็ดการขายของ ของแต่ละร้านแล้วถ้าเค้ารู้ว่าเราเป็นคนไทยก็จะกรูเข้ามา สื่อสารกับเราแบบเจ้าของภาษาก็แปลไม่ทันเลยค่ะ

พอช็อบกันอย่างจุใจแล้วเดินออกมาจากหลังตลาดเดินไปตรงไปตามทางถนนหลักเลยค่ะ ก็จะพบห้างดังของเมืองพนมเปญ ชื่อห้างโสรยา เป็นห้างที่มีอิทธิพลมากที่สุดสำหรับพนมเปญในยุคนี้ และได้รับความนิยมของวัยรุ่นมากค่ะ ภายในมีทั้งคาราโอะ ลานสเก็ดบร์อด ร้านอาหารฟาสฟู้ด ส่วนของร้านอาหารฟาสฟู๊ดที่นี้ดูเผินเหมือนร้านดังตามบ้านเราอย่างเคเอฟซี แม็คโดโน หรือเบอร์เกอร์คิง แต่เมื่อพิจารณาเข้าจริงกลับไม่ใช้คล้ายมากๆค่ะ 

เดินขึ้นไปขึ้นบนสุดของห้างก็เห็นวิวทิวทัศน์ของเมื่องพนมเปญค่ะ 

เจ้าของโสรยานอกจากดูแลกิจการห้างสรรพสินค้าชื่อดังแล้ว ก็ยังเป็นเจ้าของคิวรถโดยสารระหว่างประเทศกัมพูชาและประเทศเพื่อนบ้านด้วยค่ะ โดยครั้งนี้เราก็ได้ใช้บริการรถของบริษัทโสรยาสำหรับเดินทางไปเวียดนามด้วยค่ะ ซึ่งการเดินทางกับบริษัทมีข้อดีก็คือ เข้าได้รวมค่าบริการของรถรวมกับค่าจัดผ่านด่านเวียดนามไว้แล้วดังนั้นเมื่อถึง ด่านของเวียดนามเราจึงไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้นนอกจากเดินทางช่องที่เค้าให้เสต็ปพาสปร์อตค่ะ

ตารางโดยสารทั้งหมดของคิวรถโสรยาค่ะ