หลังจากที่เที่ยวโบราณสถานในกรุงพนมเปญ จนเต็มอิ่ม พอตะวันเริ่มคล้อย เรามาเดินช็บที่ตลาดกันค่ะ ระหว่างเดินทางไปตลาดใหม่ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า พะซาเทมย เราก็ได้ผ่านสำนักงานไปรณีย์ที่เก่าแก่ของพนมเปญ แต่เนื่องจากงานนี้เราไปถึงเวลาเย็นมากเลยไม่ได้เข้าไปดูบริเวณข้างในค่ะ
สำนักงานไปรษณียน์
ระหว่างเดินทางไป ได้แวะถ่ายรูปเบาๆแถววัดพนม โดยอ้อมวงเวียนย่านสำนักงานราชการของเมืองพนมเปญ
หลังจากที่เดินทางมาสักระยะก็ถึงแล้วค่ะ
เลยขอถ่ายรูปเก็บเป็นที่ระลึกกันสักหน่อย
บริเวณวัดพนมเป็นบริเวณที่มีความร่มรื่น มีคนพื้นที่จำนวนไม่น้อยค่ะ ที่เดินขึ้นบันไดนี้ไปดูวิวด้านบน
บางคนก็ใช้พื้นที่นี้เป็นพื้นที่ออกกำลังกายวิ่งเล่นกับครอบครัวยามเย็น วัดพนม ว่ากันว่ามีชื่อมาจากคำว่าพนมเปญ โดยสร้างจากแรงศรัทธา ของยายเพ็ญ จัดว่าเป็นเศรษฐีนีที่เลื่อมใส่ในศาสนา กว่า 600 ปีมาแล้วค่ะ นางซึ่งเป็นผู้เลื่อมใสในพระพุทธศาสนาจึงสร้างวัดบนยอดเขาเล็ก ๆ บริเวณใกล้ ๆ เพื่ออัญเชิญพระพุทธรูปทั้งสี่องค์มาประดิษฐาน ณ วันที่นางสร้างขึ้น ถึงแม้ยอดเขานี้จะสูงเพียง 27 เมตร แต่นับเป็นบริเวณที่สูงที่สุดในละแวกนี้ ซึ่งต่อมาชาวบ้านจึงเรียกวัดแห่งนี้ว่า “วัดพนม” ต่อมาภายหลังเมื่อมีการสถาปนาบริเวณนี้เป็นเมืองหลวงจึงเป็นที่มาของชื่อ พนมเปญ ตามชื่อของวัดแห่งนี้ ซึ่งถ้าหากใครมาพนมเปญแล้วไม่ได้แวะมาเยือนวัดแห่งนี้ถือว่ามาไม่ถึงนะค่ะ โดยหน้าวัดได้สร้างเจดีย์ไว้เพื่อเป็นอนุสาวรีย์ความภาคภูมิใจของชาวกัมพูชาที่ได้จังหวัด อเสียมราฐ พระตะบอง และศรีโสภณ จากสยาม โดยอาศัยการยึดครองผ่านประเทศฝรั่งเศส ดังนั้นจึงเป็นที่มาของพนมเปญ ที่แปลว่า เขายายเพ็ญนั้นเอง หลังจากเดินเล่นกินลมชมวิวจนหน่ำใจก็ถึงเวลาไปช็อปปิ้งกันแล้วค่ะ
เดินมาเรื่อยก็ถึงแล้วค่ะ ปลายทางสำหรับวันนี้ ขอบอกเลยว่าขาลากมาก แต่ก็ยังคงมีความโชคดีในความลำบากค่ะ การเดินด้วยเท้าและแผนที่น้อยทำให้เรามีความชำนาญเส้นทางนั้นเอง เมื่อเดินเข้าไปในตลาดก็จะพบเห็นหอนาฬิกา ซึ่งหากเหงนหน้าตรงนั้นก็จะพบสถาปัตยกรรมฝรั่งเศสที่สร้างไว้ครั้งมาครอบครองกัมพูชา และถือว่าเป็นอีกที่หนึ่งที่ยังคงสมบูรณ์ และยังคงใช้ประโยชน์ดั้งเดิมมาเนินนาน ตลาดพะซาเทมย สร้างขึ้นเมื่อปี 1937 ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่ที่ขายในตลาดนี้จะเป็นของใช้ในครัวเรือน เสื้อผ้า ทั้งของแท้และของปลอม รวมถึงนาฬิกาแบรนแนม ต่างๆ แต่ขอแนะนำว่าหากอยากซื้อสิ้นค้าติดไม้ติดมือ อย่าลืมต่อรองราคาด้วยนะค่ะ เพราะราคาส่วนใหญ่จะเป็นแบบบอกผ่านที่แพงพิเศษ เอิ๊ก หากดูเผินราคาจะพอกับบ้านเรา แต่ถ้านักช็อบตัวจริงจะได้ราคาที่ถูกกว่ามากค่ะ
ด้านหน้าของตลาด
ถ้ามาตลาดนี้จะเป็นกลเม็ดการขายของ ของแต่ละร้านแล้วถ้าเค้ารู้ว่าเราเป็นคนไทยก็จะกรูเข้ามา สื่อสารกับเราแบบเจ้าของภาษาก็แปลไม่ทันเลยค่ะ
พอช็อบกันอย่างจุใจแล้วเดินออกมาจากหลังตลาดเดินไปตรงไปตามทางถนนหลักเลยค่ะ ก็จะพบห้างดังของเมืองพนมเปญ ชื่อห้างโสรยา เป็นห้างที่มีอิทธิพลมากที่สุดสำหรับพนมเปญในยุคนี้ และได้รับความนิยมของวัยรุ่นมากค่ะ ภายในมีทั้งคาราโอะ ลานสเก็ดบร์อด ร้านอาหารฟาสฟู้ด ส่วนของร้านอาหารฟาสฟู๊ดที่นี้ดูเผินเหมือนร้านดังตามบ้านเราอย่างเคเอฟซี แม็คโดโน หรือเบอร์เกอร์คิง แต่เมื่อพิจารณาเข้าจริงกลับไม่ใช้คล้ายมากๆค่ะ
เดินขึ้นไปขึ้นบนสุดของห้างก็เห็นวิวทิวทัศน์ของเมื่องพนมเปญค่ะ
เจ้าของโสรยานอกจากดูแลกิจการห้างสรรพสินค้าชื่อดังแล้ว ก็ยังเป็นเจ้าของคิวรถโดยสารระหว่างประเทศกัมพูชาและประเทศเพื่อนบ้านด้วยค่ะ โดยครั้งนี้เราก็ได้ใช้บริการรถของบริษัทโสรยาสำหรับเดินทางไปเวียดนามด้วยค่ะ ซึ่งการเดินทางกับบริษัทมีข้อดีก็คือ เข้าได้รวมค่าบริการของรถรวมกับค่าจัดผ่านด่านเวียดนามไว้แล้วดังนั้นเมื่อถึง ด่านของเวียดนามเราจึงไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้นนอกจากเดินทางช่องที่เค้าให้เสต็ปพาสปร์อตค่ะ
ตารางโดยสารทั้งหมดของคิวรถโสรยาค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น