วันพุธที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เที่ยวกัมพูชา-เวียดนาม ตอนรับสงกรานต์ ตอนที่ 1 การเตรียมตัว

ครั้งนี้อยากเล่าประสบการณ์การไปเที่ยวกัมพูชา แล้วนั้งต่อไปเวียดนาม 2 คน พี่น้อง คู่ขาคนสำคัญที่ตามไปลุยกันเกือบทุกที่ ครั้งที่เดินทางจากภูเก็ตแล้วไปเจอน้องสาวที่กทม. ใช้งบไปสองคนประมาณ 15000 บาท ไม่เกินนี้ ตลอดทริปค่ะ โดยมีแรงจูงใจจากโปรจองบินฟรี+ที่พักของ airasia

ออกเดินทางแต่เช้าประมาณแปดโมงจากภูเก็ต เพื่อจะให้ถึงกทม ตอนช่วงค่ำ เพราะว่าเป็นเด็กบ้านนอกเลยอยากเรียกร้องความสนใจให้น้องสาวนั้งรถจากพญาไทมารับที่สายใต้  จ่ายค่ารถภูเก็ต-กทม. ในราคา 860 บาท

การเดินทางจากภูเก็ตถึงสายใต้ใช้เวลาประมาณ 12 ชม. กว่าๆ ระหว่างการเดินทางรถจะแวะพักให้รับประทานอาหารและเข้าห้องน้ำ ที่พักคุณสาหร่าย ในจังหวัดชุมพร โดยราคาตั๋วที่ซื้อทางทัวร์จะรวมค่าอาหารและขนม ในช่วงเวลาการเดินทาง โดยอาหารที่รับประทานระหว่างพักรถมีเมนูดังนี้ 
ข้าวสวย

 แกงหมูกระทิ

ผัดวุ้นเส้น

แกงจืด

ทอดมัน

และเพื่อนร่วมทางค่ะในรถโดยสาร

สุดท้ายคือขนมสำหรับกินระหว่างการเดินทางทั้งหมดนี้คือทางรถทัวร์มีบริการรวมในค่าโดยสารแล้วค่ะ แต่สำหรับคนที่ต้องการซื้อของฝากเพิ่มเติมทางรถ ก็ให้เวลาสำหรับช็อปสินค้าประมาณ 15 นาทีค่ะ 

เมื่อเดินทางมาสักระยะและแวะรับประทานอาหารกันแล้ว เมื่อกองทัพต้องเดินด้วยท้อง และเติมพลังอิ่มท้องกันแล้วก็ได้เวลาเดินทางต่อค่ะ เมื่อเดินทางมาประมาณสิบสองชั่วโมงเศษ และเผชิญกับรถเดินมากมาย ก็ถึงสายใต้กัน จากนั้นได้เวลาหาที่พักนอนสำหรับ 1 คืน ครั้งนี้ได้ความอนุเคราะห์จากเพื่อนที่สามแสน ซึ่งให้การตอนรับดีมาก เจ้าของบ้านทำอาหารไว้ตอนรับ ถึงแม้ว่าขณะนั้นจะถึงมืดค่ำก็ตาม โดยบรรยายภายในบ้านที่ไปพัก และ อาหารหน้าตาชวนน้ำลายสอ มากค่ะ 

บรรยายห้อง ห้องบรรยายดีมากค่ะ แต่สัมภาระรกไปหน่อยคริ 

อีกมุมนึงของห้องค่ะ

สลัดทูน่า อร่อยมาก

น้ำพริกคู่กับผักลวก

ผัดเครื่องแกงไก่

ปลาทูทอดค่ะ

หลังจากได้ที่พักค้างคืนแล้วและอาหารที่อร่อย กับการตอนรับที่ดีของเจ้าของบ้าน ก็ได้เวลาอาบน้ำและพักผ่อน ซึ้งเที่ยวบินที่จะบินสำหรับพรุ่งนี้ ค่อนข้างเช้า เป็นรอบ 6.30 น. ซึ่งต้องเดินทางไปถึงสนามบินก่อน โดยค่ารถเท็กซี่ จากสามแสนไป สนามบิน อยู่ที่ราคา 180 บาท ใช้เวลาไม่นาน ประมาณ สี่สิบ นาที โชคดีมากที่รถไม่ติด เป็นเพราะว่าเวลาเช้า เลยไม่ต้องเสียเวลากับรถติด 

มาถึงก่อนเวลาที่คิดไว้ เมื่อมาถึงบรรยากาศก็เป็นดั่งรูป คนโล่งมากกก มาเป็นคนแรกของสนามบิน เมื่อมาถึงก็พบว่ามีนักเดินทางที่ต้องรอต่อเครื่องนอนค้างที่สนามบินกันพอสมควร 

ก็เลยถ่ายรูปกันเป็นที่ระลึก กันสักหน่อย ช่วงเช้าอากาศยังดี หน้าตายังสดชื่น

มุมยอดฮิตของดอนเมืองที่ถ่ายกัน

อากาศที่ที่ลานจอดสนามบินดีใช่ได้เลย ได้มาดูพระอาทิตย์ขึ้นที่สนามบิน ได้ฟิวส์ ที่แบบนะ จินตาการว่าอยู่ที่ยอดดอยละกัน เพราะว่าพระอาทิตย์ดวงเดียวกันคริๆๆ 



ระหว่างที่เช็คอิน แล้ว มาคอยเวลาขึ้นเครื่อง ก็นึกขึ้นได้ว่าเราควรจะหาที่แลกเปลี่ยนเงินกันสักหน่อย ซึ่งไปเที่ยวครั้งนี้ก็ไปแบบประหยัด อึด และอดทน อิอิ โดยงบประมาณที่ตั้งไว้สำหรับ สองคนในสองประเทศ แต่ในเวลา หนึ่งอาทิตย์  ไว้ในงบที่ 6000 บาท อยู่ที่ 200 เหรียญนิสๆ ตอนนั้นแลกในเรต 29 บาท ต่อ 1 ดอลล่าห์ 

แต่หลังจากนั้นค่าเงินไทยก็แข็งขึ้นเป็น 28 บาท ต่อ ดอลล่าห์ แง่ว รู้สึกว่าขาดทุนนิส อิอิ แบบงก
นางแบบประจำของเรา

บรรยากาศยามเช้ารับตะวันที่ดอนเมือง เครื่องบินลำนี้จะบินไปไหนน๊าา

รถบัสคันนี้จะพาเราไปตามเครื่องบินที่พาไปพนมเปญ เย้ๆๆ ถ่ายรูปกันสักหน่อย ท่าโพสเริ่มเข้าท่าละน้าา

เหินฟ้าผ่านน่านน้ำและแผ่นดินมุ่งไปสู่เอเชีย


เมื่อนั่งมาสักระยะก็มีสาวชุดแดงยื่นกระดาษมาให้ เป็นใบทำวีซ่าเค้าพนมเปญค่ะ แต่ข่าวดีสำหรับคนไทยไม่ต้องใช่วีซ่านะค่ะ แต่ยังคงต้องเขียนใบนี้ส่งเจ้าหน้าที่ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง ไม่ต้องเสียค่าใช่จ่ายใดๆทั้งสิ้นค่ะ ละแล้วหลังจากเดินทางจากสนามบินภูเก็ตมา ประมาณ 45 นาทีก็ถึงสนามบินพนมเปญสักที สาวชุดแดงของแอร์เอเชียบอกว่าการเดินทางครั้งนี้เร็วกว่ากำหนด นับว่าเป็นฤกษ์งามยามดีสำหรับการตะลุยครั้งนี้ ก่อนจะไปยังที่เที่ยวต่างเลยขอถ่ายรูปท่าอากาศยานสนามบินพนมเปญหน่อยคะ

มุมทางเข้าของ Gate  

ด้านหน้าของสนามบินค่ะ 

เมื่อมาถึงพนมเปญสิ่งแรกที่ควรทำสำหรับนักเดินทางมือใหม่อย่างเราๆ คือ การหาแผนที่ ค่ะ ที่สนามบินจะมีแผนที่ให้เราค่ะ ก่อนออกอย่าลืมหยิบมานะค่ะ เพราะมันจะช่วยเร็วได้เยอะสำหรับการเดินทางในพนมเปญ ที่พนมเป็นจะค่อนข้างต่างจากบ้านเราหน่อยสำหรับการดูถนน หนทาง เพราะส่วนใหญ่จะไม่มีป้ายซอย หรือป้ายถนนมากนัก ดังนั้น สิ่งที่เราจะรู้ได้ว่าตอนนี้เราเดินอยู่บนซอยไหน หรือถนนอะไร ให้สักเกตที่เลขหน้าบ้านของแต่ละหลังได้เลยค่ะ เพราะซอยส่วนใหญ่ของกัมพูชาจะเป็นตัวเลข หลังจากที่ได้แผนที่จากสนามบินแล้ว ก็ได้เวลาโบกรถสามล้อดังที่เห็นในรูปค่ะ ราคาอยู่ที่ 7 ดอลล่าห์ค่ะ ถ้าต้องไปส่งสองโรงแรมเค้าจะคิดราคาเพิ่มเป็น 9 ดอลล่าห์ ส่วนรถเท็กซี่จะอยู่ที่ราคา 9 ดอลล่าห์ เวลาเราติดต่อรถเค้าจะให้บัตรเรามาติดต่อกับคนขับแล้วจ่ายเงินปลายทางนะค่ะ ซึ่งที่พักครั้งนี้ได้พักที่ Monirieth Hotel ราคาห้อง ราคา 500 บาทต่อคืนค่ะ 
ขณะที่เรามาถึงสนามบินเผอิญเจอกลุ่มครอครัวคนไทยค่ะ เป็นครอบครัวที่น่ารักมาก ในตอนแรกคิดว่าจะได้นั่งรถมาด้วยกัน เพราะว่าครอบครัวนี้เค้าก็มาเที่ยวเหมือนกัน เมื่อเห็นคนไทยด้วยกันในต่างแดนเลยทักทายสักหน่อย แต่พอดีเราพักคนละโรงแรมเลยต้องแยกรถกัน เมื่อตอนแยกทางกันก็คิดว่าคงไม่ได้เจอกันแล้วแน่เพราะรถขับแยกทางกัน

เราก็เลยนั่งรถมากับน้องสาว

ระหว่างนั้นก็ถ่ายบรรยากาศระหว่างการเดินทางบนถนน คนที่นี้นิยมบีบแตรเพื่อให้สัญญาณ เพราะฉะนั้นถ้ามากัมพูชาก็เลยได้ยินเสียงแตรทั้งวันค่ะ :) 


และรถแท็กซี่ที่นี้ก็จะมีพ่วงสถานที่ท่องเที่ยวไว้ส่วนใหญ่จะแบ่่งเป็นแพ็กเก็จว่าจะไปไหน ตามสถานที่ท่องเที่ยวที่ติดไว้ตามรถ ซึ่งแล้วแต่ว่านักท่องเที่ยวจะเหมาไปกี่ที่ ราคาก็แตกต่างกันออกไป มีตั้งแต่ 17 - 30 ดอลล่าห์ สำหรับการมาเที่ยวครั้งนี้แนะนำให้แลกเงินเป็นดอลลาห์ และเงินเรียลไว้บางส่วนนะค่ะ ขึ้นอยู่กับว่าเค้ารับเงินของอะไรค่ะ เพราะว่าบางครั้งถ้าเราจ่ายเป็นดอลล่าเราก็จะได้ราคาดีกว่าเงินเรียล แต่บ้างครั้งถ้าเป็นของชิ้นเล็กราคาไม่แพงมาก อาจไม่ถึง 1 ดอลล์ ก็ควรจ่ายเป็นเงินเรียล แต่ปกติคนกัมพูชาก็มักจะจ่ายเงินดอลล์และเรียลปนๆกันไป ดังนั้นมีไว้ทั้งสองแบบก็ดีที่สุด

และเมื่อถึงที่พักสิ่งแรกที่เราทำคือ เก็บสัมภาระ ไว้ที่โรงแรม เช็คอินแล้วเดินทางลุยกันเลยยย การตะลอนครั้งนี้เริ่มจะแผนที่คู่ใจ โดยที่แรกที่จะไปคือ Touel slang museum หรือที่รู้จักว่า ตวลแสลง เป็นพิพิธภัณฑ์สถานแสดงเรื่องราวของการลงโทษของผู้ที่ถูกจับเป็นเชลย เพราะสงครามภายในประเทศ ที่สร้างขึ้นเผื่อขังนักโทษและลงโทษนักโทษ เดิมเป็นเป็นโรงเรียนมัธยม ต่อมาจึงเป็น s-21 หรือมาจากคำว่า Security Office 21 เพื่อให้กักขังพวกที่คิดว่าเป็นกบฏต่อชาติและรัฐบาล โดยถ้านักโทษคนไหนจะถูกประหารจะถูกถ่ายเทไปที่ลานสังหารต่อไป 
บรรยากาศในตวลแสลง
ห้องขังเดียวที่ดัดแปลงจากโรงเรียน

ป้ายบอกข้อห้ามของคุก

หลุมฝังศพของนักโทษ

ห้องขัง

ห้องขัง

ภาพมุมบนของศพฝังศพ 

เสื้อผ้าของผู้ต้องขัง ส่วนใหญ่จะเป็นโทนสีเดียวกัน เพราะจากที่ฟังผู้บรรยาย เค้าบอกว่าสมัยก่อนการคนส่วนใหญ่จะแต่งงานโทนสีเดียวกัน จะไม่มีสีสันมากนักเพราะว่าไม่อยากแสดงถึงความแตกต่างให้เขมรแดงเพ่งเล็ง

เส้นทางการขนย้ายนักโทษไปยังที่คุมขังต่างทั่วกัมพูชา

ผู้เสียชีวิตจากการสงครามเขมรแดง

บรรยากาศภายนอก ห้องจะเต็มไปด้วยลวดหนามและอุปกรณ์ทรมาน


ห้องขังสำหรับนักโทษที่ระดับร้ายแรง เป็นห้องขังเดียวที่มีพื้นที่ขนาดเล็กมาก ถือได้ว่าพอดีตัวเลยค่ะ

อุปกรณ์ทรมารนักโทษ เพื่อทรมานผู้ที่คิดว่าเป็นกบฏต่อประเทศชาติ

ปิดตามัดมือและเท้าแล้วลากไปทำร้าย

วิธีทรมาน

นอกจากนี้ยังไม่การใช้เครื่องมือทรมาน ขณะที่ตรึงนักโทษไว้กับแผ่นกระดาษแล้วใช้น้ำสาด เมื่อนักโทษหมดสติ 

อ่างน้ำที่แช่นักโทษ

หัวกะโหลกของผู้เสียชีวิตจำนวนมาก


บรรยากาศโดยรอบค่ะ รายละเอียดเพิ่มเติมอ่านได้ที่ http://www.mscs.nu.ac.th/webmscs/index.php?name=news&file=readnews&id=473

หลังจากที่เข้าไปชมบรรยากาศและฟังเรื่องราวของสมครามภายในประเทศจากเขมรแดงที่มีคนเสียชีวิตจำนวนมาก โดยค่าเข้าชมอยู่ที่ 2 ดอลล่า ค่ะ หลังจากที่เดินทางโรงแรมมาที่ตวลแสลงมา ครึ่งชั่วโมงและเที่ยวพิพิธภัณฑ์อย่างหน่ำใจ ก็เดินไปเรื่อย แต่เหมือนบุฟเพสันนิวาส ที่ทำให้เราสองพี่สองเจอคนไทยครอบครัวที่เคยพูดถึงอีกครั้ง ก็เค้าก็เลยชวนเราไปเที่ยวด้วยกัน แต่เนื่องจากว่าเราเค้าชมพิพิธภัณฑ์ไปแล้วเลยขอตัวคุยกับพี่คนขับเท็กซี่ ที่รถ พี่ขับรถชื่อเริน เป็นชาวกัมพูชามีลูก 4 คน พูดภาษาอังกฤษได้ในระดับดีเลยที่เดียวค่ะ เราถามไปว่าทำไมถึงพูดเก่งเค้าก็บอกว่าได้ไปอบรมเรียนภาษามาเดือนหนึง เพราะรัฐบาลเค้าส่งเสริมให้สื่อสารกับนักท่องเที่ยวได้ เราเลยคิดว่าขนาดเค้าเรียนได้เดือนนึงก็คุยเก่งขนาดนี้ เราเรียนเป็นปีเลยนะ ยังไม่เก่งเลยแหะ เขินๆๆ 
โชว์เฟอร์ "เริน"

ระหว่างที่คุยเหมือนว่าคอจะแห้งเลยอยากไปหาร้านขายน้ำ ซื้อน้ำมาทานสักหน่อย เหลิบเห็นร้านรถกาแฟเลยตรงเข้าไปอย่างไม่รอรี ได้มาหนึ่งแก้วพอกินรู้สึกว่าอร่อยมาก เป็นกาแฟสดรสชาติดี หอมกรุ่นถ้าซื้อในเมืองไทยรสชาติประมาณนี้น่าจะแก้วละห้าสิบเห็นจะได้ แต่งานนี้คิดเป็นเงินไทยอยู่ที่  20 บาท อร่อยและถูกชอบๆๆ 

ถ่ายคู่กันสักหน่อย

ร้านกาแฟสดที่บอกค่ะ 

ครอบครัวที่ร่วมการเดินทาง มาจากกรุงเทพค่ะ เป็นเพื่อนเดินทางตลอดวันในวันแรกค่ะ เป็นความประทับร่วมกันที่ยากจะลืมเลือน


อีกภาพค่ะสำหรับความประทับใจระหว่างการเดินทาง ในช่วงเดินทางไปต่างเมืองเมื่อเจอคนไทยด้วยกันก็จะรู้สึกดี ใจ เหมือนอยู่บ้านตัวเองเพราะอย่างน้อยก็มีคนพูดและเข้าใจภาษาเดียวกับเรา แต่สำหรับประเทศกัมพูชา นับว่าการมาเที่ยวครั้งนี้ทำให้ทัศนะคติที่เคยมองประเทศนี้เปลี่ยนไป เพราะคนที่นี้ใจดีกับเรามาก เมื่อรู้ว่าเราเป็นคนไทยเค้าก็ตอนรับเราดีกว่าที่คิดค่ะ หลายคนพยายามเข้ามาพูดกับเรา มาพูดภาษาไทย เค้าอยากที่จะเรียนภาษาไทย อาจเป็นเพราะว่าเค้ามองว่าประเทศเรามีความเจริญ และมีช่องทางการทำงานสูงและผลตอบแทนดีเมื่อเทียบกับที่ที่เค้าอยู่ เหมือนเรามองประเทศทางฝั่งตะวักตก เพราะว่าเราได้คุยกับคนท้องที่หลายคนเค้ามานั่งให้เราสอนภาษาไทยเป็นนานสองนานเลยค่ะ แล้วก็บอกถ้ามีโอกาสได้ไปทำงานที่ไทยหรือย้ายไปอยู่ไทย เค้าจะไม่รีรอเลยค่ะ เลยทำให้เราไม่สงสัยว่าทำไมเมื่อเรากลับมาจึงพบว่าแรงงานส่วนใหญ่จึงทำงานที่บ้านเราค่ะ  

เวลานี้ก็ใกล้จะเที่ยงแล้วค่ะ ก่อนจะไปเที่ยวยังที่ต่อไปเรามาเติมพลังกันก่อนดีกว่าค่ะ วันนี้ขอแนะนำร้านแถว killing Field ค่ะ คนเยอะเลยที่เดียวส่วนใหญ่เหมือนจะเป็นกลุ่มคนทำงานค่ะ ชื่อร้านว่า Brid's net หรือร้านรังนกค่ะ จุดเด่นของร้านนี้คือมีรังนก แขวนมากมายอย่างที่เห็น ราคาอาหารส่วนใหญ่ก็อยู่ที่จานละประมาณ 5 เหรียญดอลล่า ขึ้นไปค่ะ ถ้าเทียบเป็นเงินไทยก็ถือว่าราคาค่อนข้างแพง เนื่องจากอาหารที่เป็นข้าวจานหลักที่นี้ราคาค่อนข้างสูงกว่าบ้านนะ จากที่ไปกินมาแต่ละร้าน เพราะคนส่วนใหญ่จะเป็นทานอาหารเป็นแนวขนมปังค่ะ  ร้านนี้อาหารที่สั่งก็มีพวกข้าวผัดแล้วเครื่องดื่ม ข้าวผัดร้านนี้รสชาติเหมือนผัดกับซอสพริกเล็กน้อยรสชาติ ติดหวานนิดๆค่ะ

บรรยากาศภายในร้าน

หน้าห้องครัวค่ะ 

เมนูค่ะ
 เมื่ออิ่มท้องแล้วมาเที่ยวกันต่อค่ะ ที่ต่อไปคือ Killing flied หรือที่เรียกว่า ทุ่งสังหาร ซึ่งถือว่าเป็นโศกนาฏกรรม "กัมพูชา" ช่วงเขมรแดงเรืองอำนาจหลังจากยึดกรุงพนมเปญได้ในปี 2518 พรพต (POL POT) เป็นผู้นำเขมรแดง และเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศกัมพูชาในปี1976 ถึง 1979 ถูกตั้งฉายาว่าฮิตเลอร์แห่งเอเซียอาคเนย์ เขามีความคิดที่จะปรับปรุงระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยมแบบพึ่งตัวเอง เขาการปิดประเทศ ปิดโรงเรียนเพื่อประชาชนเพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับการศึกษา นอกจากนี้ยังปิดโรงพยาบาล โรงงาน ยกเลิกระบบธนาคาร เงินตรา ฯลฯ เพื่อหยุดความก้าวหน้าของประเทศ ซึ่งจากเหตุการณ์จากสงครามนี้ ประเมินว่ามีผู้เสียชีวิตประมาณ 1.5-2 ล้านคน(หนึ่งในสามของประชากรในประเทศ) กลายเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่เลวร้ายที่สุดของศตวรรษที่ 20
ที่มาอ่านเพิ่มเติมจาก http://www.thaithesims3.com/topic.php?topic=60560
พรีเซ่นเตอร์ประจำทริป









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น