วันเสาร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2556

ตอนที่ 3 แวะลาว เยื่อนเวียดนาม "เว้ ลังโก ดานัง และฮอยอัน"

แหะๆ หายไปหลายวันเลยค่ะ ติดภารกิจเลยไม่ได้พาเพื่อนเดินทางต่อค่ะ วันนี้หยุดสุดสัปดาห์หลายคนคงไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหน งั้นมาเที่ยวกับเราด้วยกันเลยนะค่ะ ครั้งก่อนพาเดินทางค้างคืนที่เมืองเว้ และแวะพักค้างคืนที่โรงแรม Duy tan เป็นโรงแรมระดับ 3 ดาวของเวียดนาม ห้องที่พักราคาคืนละ  1200 บาท ห้องค่อนข้างกว้างและสบาย มีเครื่องอำอวยความสะดวกครบค่ะ ทั้ง โทรทัศน์ เครื่องเป่าผม ดูเสื้อผ้า อ่างอาบน้าม และอื่นๆ ถ้าเทียบกับความสบาย ก็น่าจะประมาณ 4 ดาวบ้านเราเลยนะค่ะ แต่ราคาค่อนข้างสบายกระเป๋ากว่า แหะๆ 

หลังจากพักผ่อนกันแล้วตื่นเช้ามารับวันใหม่ และทานอาหารเช้าที่โรงแรมให้อิ่มท้อง เพื่อเดินทางใช้พลังงานกันทั้งวันค่ะ เช้านี้เน้นบรรยากาศการนั้งรถชมวิถีชีวิต ระหว่างเดินทาง เห็นร้านตัดผมแล้วนึกถึงวิถีชีวิต บ้านเราสมัยก่อนเลยค่ะ ตอนที่เด็กไปเที่ยวบ้าน ปู่ ย่า คิดถึงบรรยากาศเหล่านั้นมาก แต่ตอนนี้บรรยากาศเหล่านั้นเริ่มเลือนลาง หายไปแล้ว 

โหลนี้เหมือนกิมจิ หรือดองสักอย่าง ข้างในเป็นกุ้งบ้าง หัวหอมบ้าง ไม่รู้เรียกว่าอะไรเหมือนกัน แต่ไม่เคยเห็นอาหารแบบนี้ที่บ้านเรา เลยถ่ายมาให้ดูเล่นกันค่ะ 

ร้านตัดผมพื้นบ้าน ไม่ต้องมีแอร์ปรับอากาศเลยค่ะ คนเวัยดนามใช้ชีวิตกันเรียบง่ายมากค่ะ

ชมบรรยากาศบ้านเมืองมาสักพัก ก็ถึงอดีตเมืองหลวงเก่า ที่รุ่งเรื่องมากก่อนจะโดนถล่มจากสงครามเวียดนาม แล้วเที่ยวชมพระราชวังไดนอย ที่สร้างสมัย พ.ศ. 2347 ที่มีพื้นที่กว้างใหญ่มาก ที่ว่ากันว่า หากปรับปรุงจนแล้วเสร็จจะใช้เวลาเป็นเดือน กว่าจะเดินเที่ยวชมจนทั่วพระราชวัง หากใครมาที่นี้ก็มักจะนิยม
มาแต่งองค์ทรงเครือง ถ่ายรูปเป็นเหล่าฮ่องเต้ นางสนม กันยกใหญ่ 

 เป็นพระราชวังหลวงราชวงศ์เหงียน ในรัชกาลพระเจ้สายาลอง Gia long หรือ องค์เชียงสือ ปฐมกษัตริย์ราชวงศ์เหงียน 
ซึ่งเป็นได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลก ชมพระตำหนักพระที่นั่งที่ออกแบบอย่างกลมกลืนธรรมชาติตามแนวคิดของจีนโบราณ 

เหตุที่อาคารบ้านเรือนส่วนใหญ่ของเวียดนามจะมีลักษณะคล้ายของจีน เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากการเป็นเมืองขึ้นของจีนมาอย่างยาวนานนั้นเองคร้าา

อ่อ ภายในวังหลวงทีเราเดินชม นั้นมีบริการวาดภาพเหมือนและผลงานของจิตกร มาขายนักท่องเที่ยวด้วยนะค่ะ ว่าแต่จิตกร คนนี้คุ้นเหมือนเคยเห็น อุ้ยๆๆ นั้นมันคุยพ่อนิค่ะ แอบนั้งเนียนเตะท่านะ

ส่วนสมาคมเพื่อนพ่อ หายกันไปเป็นกลุ่ม แอบไปถ่ายรูปเปลี่ยนโฉมกันนี้เอง จำกันไม่ได้เลยว่าใครเป็นใคร

ภาพของพระราชวัง ในช่วงสงคราม และหลังบูรณะค่ะ ทายซิอะไรเอ่ย

หลังคาของพระตำหนัก ที่บอกว่าได้รับอิทธิพลจากจีน 

ส่วนใหญ่สีที่ใช้ทาตึกอาคารจะเป็นสีเหลือง เนื่องจากเค้าเชื่อกันว่าสีเหลืองคือสีของกษัตริ์นะค่ะ

พระราชวังยังบูรณะไม่สมบูรณ์นะค่ะ ยังมีอีกจำนวนมากที่กำลังปรับปรุง

ระหว่างทางเดินไป พระตำหนักค่ะ 
นอกจากการเดินชมแล้วที่นี้ยังมีบริการรถนำเที่ยวด้วยนะค่ะ เผื่อว่าหลายคนเป็นกับผู้สูงอายุจะได้ไม่เป็นการทรมาณการเดินทางคร้าา

   หลังจากเดินชมพระราชวังจนเมื่อยตุ้มแล้ว ใครที่ยังมีแรงและใจสู้ ก็ตามเรามาเลยนะ สถานที่ต่อไปที่เราจะพาไปเยื่อนก็คือ วัดเทียนมู่ค่ะ วัดเทียนมู่เป็นศาสนสถานที่เก่าแก่ และสำคัญของเมือง ซึ่งอดีตเป็นยังเป็นสถานที่พบปะชุมนุมทางการเมือง เมื่อ ปี ค.ศ. 1963 โดยความโดงดังของวัดนี้ ที่ำทำให้คนทั่วโลกรู้จัก คือ ภาพการเผาตัวของเจ้าอาวาสในท่านั่งสมาธิประท้วงรัฐบาลที่ที่ลิดรอนเสรีภาพในการนับถือศาสนา 

วิวแม่น้ำหอม

ชม-สักการะเจดีย์แปดเหลี่ยมเจ็ดชั้นที่โดดเด่นริมฝั่งแม่น้ำหอม
ร้านขายของที่ระลึกข้างวัด

เด็กๆเวียดนามน่ารักไหมค่ะ
เสร็จสิ้นสำหรับทริปช่วงเช้ากันแล้ว แต่เด่วก่อนคร้าา ก่อนจะไป หาอะไรก่อนอาหารมื้อเที่ยงกันหน่อยดีไหมถ้าดี มาๆๆ ลองทานกันนะ

อาหารเมนูนี้ คนเวียดนามชอบมานั้งกินกัน เหมือนเห็นอาหารว่างเค้านะ เป็นแป้งแผ่น กินกับผงทรงเครื่อง รสชาติจะออกแนวมันๆ หวาน แล้วเผ็ดเล็กน้อย

กรรมวิธีก่อนได้มาซึ่งอาหารพื้นบ้านนะ
เสร็จแล้วค่ะเมนูแรก

ส่วนเมนูนี้คือเต้าทึงน้ำขิง

ทานเย็นคลายร้อนได้ดีที่เดียว




วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2556

ตอนที่ 2 แวะลาว เยื่อนเวียดนาม "เว้ ลังโก ดานัง และฮอยอัน"

ตื่นเช้ากันแล้วจัดแจงเรื่องอาหารการกินค่ะ  มื้อนี้กินบุฟเฟ่ที่โรงแรมค่ะ เน้นความสะดวก โดยโรงแรมที่ไปพักคือ โรงแรมริเวอร์ซิตี้ จ.มุกดาหาร เป็นโรงแรม เกรด2-3 ดาว มีด้านฝ้าชั้น 17 ไปชมชิวฝั่งโขงกันได้ค่ะ มองจากด้านบนจะเห็น สะพานไทยลาว แห่งที่ 2 ทานเสร็จแล้วเดินทางกันต่อ  วันนี้มุ่งหน้าสู่ลาวเพื่อไปเปลี่ยนรถสำหรับการท่องเที่ยว เนื่องจากรถไทย จะเข้าไปยังเวียดนามไม่ได้ ดังนั้นเราจึงต้องไปหารถทัวร์ลาวมาใช้สำหรับการเดินทางต่อไป  ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองมุกดาหาร


ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกหน่อย.... หนูใกล้จะเหยียบฝั่งลาวแล้วน้าาา

่เมื่อข้ามด่านเราก็เข้าสู่แขวงสะหวันนะเขต เดินทางผ่านทางหลวงหมายเลข 9 ซึ่งเป็นยุทธศาตร์สำคัญ และเป็นจังหวัดเดียวในลาวที่ ค้นพบไดโนเสาร์ด้วย แฮะๆ เกร็ดความรู้เล็กๆ จากนั้นขับรถมาอีกปลายชั่วโมงเลย เพื่อจะไปยังพระธาตุอิงฮังพูทธสถาน ที่มีอายุกว่า 2000 ปี เกิดกันทันหรือป่าวคร้าาา 

มาถึงแล้วค่ะ พระธาตุอิงฮังพุทธสถาน เสียค่าเข้าคนละ 20 บาท ที่นี้ผู้หญิงต้องเช่าผ้าถุง เพื่อแต่งให้เหมือนแม่หญิงลาว ค่าเช่าก็ตามศรัทธาค่ะ เมื่อมาถึงก็จะเจอม็อบช่างภาพตรึม ถ้าใครไม่อยากถ่ายรูปให้บอกไปเลยนะค่ะ ว่าไม่เอา ไม่งั้นเดินออกมาโดยเรียกเก็บค่าภาพ แน่ๆ 

บรรยากาศภายในค่ะ 

อีกฝั่งตรงข้ามจะเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปเรียงรายโดยล้อม มากมายค่ะ


ส่วนม็อบ นี้ เค้าใช้สำหรับสักการะตัวพระธาตุค่ะ ซึ่งความเชื่อของเค้า ให้สำหรับ ผู้ชายเท่านั้นนะค่ะ ที่จะเอาม็อบอันนี้ไปว่างที่พระูธาตุชั้นใน แม่หญิงเข้าบ่ได้เ้ด้ออ

จากนั้นนั้งรถชมทิวทัศน์สองข้างทางกันต่อ ผ่านหมู่บ้านเซโน เมืองพิน แล้วแวะทานอาหารเที่ยงที่ด่าน ชื่อร้าน ไทย ลาว เวียดนาม 
บ้านเมืองลาว แขวงสะหวันเขต

มาถึงด่านลาวบาว รอยต่อ ลาว-เวียดนามแล้วค่ะ

ผ่านด่านเข้ามาจะพบกับซุ้มประตูที่ใหญ่โตของเวียดนาม และแหล่งช็อปปิ้งร้านค้าปลอดภาษี (Duty Free) จากนั้นผ่านเมือง ดองฮา หมู่บ้าน วินม็อก เพื่อชมอุโมงค์หลยภัยสมัยสงครามเวียดนามค่ะ ข้อแนะนำ หากต้องการเที่ยวเวียดนามกลาง ขอให้เช่ารถดีกว่านะค่ะ เพราะไม่งั้นเดินข้ามเขากันเป็นลูกๆ แน่น่อนค่ะ เพราะแต่ละที่ไกลมากก 


ทิวทัศน์ของเวียดนามกลาง เต็มไปด้วยเขาสูงใหญ่และแม่น้ำ กว่า 2000 กว่าสาย เพราะฉะนั้นอย่าได้ถามชื่อแม่น้ำ เพราะจำไม่ได้แน่นอน อิอิ 

ถนนที่คดโค้งมากค่ะ บางที่ก็ชันพอควรเลยที่เดียว นั้งมาสักพัก ก็ถึงหมู่บ้าน วินม็อกแล้ว เป้าหมายอีกแห่งที่เราต้องการไปกันนะ 


จากรูปเป็นผัง ของอุโมงค์ใต้ดิน ที่ชาวเวียดนามในหลบภัยและอาศัยอยู่เป็นระยะเวลายาวนาน เนื่องจากเวียดนามเป็นประเทศที่มี การยึดครองของประเทศต่างๆ ได้แก่ จีน ฝรั่งเศส อเมริกา และ ญี่ปุ่น 

หลุมหลบไปจึงเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของคนที่นี้ 

ความสูงของหลุมก็ไม่เกิน 160 ซม. ซึ่งเป็นความสูงมาตราฐานของชาวเวียดนามค่ะ โดยเมืองนี้จะมีทะเลรายล้อม ไปไหนก็เจอทะเล 

ภายในจะมี ชาวเวียดนามจะสร้างหลุมที่เชื่อมต่อกันยังเพื่อนบ้านที่อาศัยใกล้ๆกัน เพื่อเป็นช่องทางการช่วยเหลือ 

และมีคนจำนวนหนึ่งที่ เกิดในหลุมแห่งนี้ ในนี้จึงมีห้องพยาบาลรวมถึงห้องทำคลอด

หลุมของแต่ละครอบครัว

ตื่นเต้นกันใหญ่กับนวัตกรรมของคนสมัยก่อนค่ะ และเรื่องราวของสงคราม

และนี้ก็คือรถลาวที่เราใช้สำหรับการเดินทางไปเวียดนาม ที่สงสัยคือ รถทุกคนมีที่ปักธูปแบบนี้ด้วย แหะๆมันแปลกดีนะค่ะ

โดยการเดินทางเที่ยวของวันนี้ใช้เวลาเป็นวันเลยที่เดียวว เนื่องจากแต่ละที่อยู่ไกลกันมากกก ถึงที่พักก็ค่ำมากประมาณ 3-4 ทุ่ม แต่ก่อนเข้าที่พักได้แวะทานอาหารที่เมืองเว้กัน เป็นภัตตราคาร ชื่อเซเรนัส 


ปลาราดพริก รสชาติ หนักไปทางเค็มหน่อย

ส่วนเมนูยอดฮิตที่กินแทบทุกมื้อ ของทริปนี้ โดยไข่เจียวของที่นี้จะไม่ค่อยมีน้ำมันเท่าไร เค้าจะทอดแบบแห้งกันค่ะ 

กินคู่กับชาเวียดนาม ที่จืดๆ แต่มีกลิ่นหอมจากชา 

เมนูนี้คือผัดเต้าหู้ค่ะ รสชาติจะหนักไปทาง หวานๆ เผ็ดๆ ทานแล้วทำให้นึกถึงอาหารไทยเลยย กร๊าก

จากนั้นก็เข้าพักที่โรงแรม Duy Tan อ่านว่า หยี่ตั้น คะ 

ด้านหน้าโรงแรม 

ภายในค่ะ 

ห้องค่อนข้างหรู โรงแรมนี้ขนาด 3 ดาวค่ะ มีอ่างให้แช่อุ่นๆ สบายใจ


หนังสือแนะนำการเข้าพักค่ะ 

แต่เด่วก่อน มาถึงที่พักถ้าไม่แอบท้องราตรีดูวิถีชีวิตของคนเมืองเว้ก็เหมือนจะขาดสีสันนะ งั้นคืนนี้เราหนีเที่ยวกัน เบาๆๆ 
ที่กินของวัยรุ่นเมืองเว้ที่ใต้สะพาน คนเยอะมากก

ใครจะไปรู้ว่าใต้สะพานนี้จะเป็นที่กินของวัยรุ่นยามค่ำคืน เนอะ แต่ถ้าจะกินก็ลองเอาเองนะค่ะ เพราะว่าดูแล้วไม่ถนัดเท่าไร อาหารที่ขายจะคล้ายขนมจีนราดยำมะละกอ เมนูนี้เลยขอบายย 

หมดละกับทริปวันนี้หวังว่าเพื่อนคงชอบกันนะค่ะ วันต่อไปเราจะไปลังโกและดานังกัน แล้วมาชมนะว่าเมืองเค้ามีที่ไหนที่น่าสนใจมาก ปล.เวียดนามกลางฝนตกบ่อยมาก อย่าลืมพกเสื้อกันฝนและยาแก้ไข้ด้วยนะค่ะ