แหะๆ หายไปหลายวันเลยค่ะ ติดภารกิจเลยไม่ได้พาเพื่อนเดินทางต่อค่ะ วันนี้หยุดสุดสัปดาห์หลายคนคงไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหน งั้นมาเที่ยวกับเราด้วยกันเลยนะค่ะ ครั้งก่อนพาเดินทางค้างคืนที่เมืองเว้ และแวะพักค้างคืนที่โรงแรม Duy tan เป็นโรงแรมระดับ 3 ดาวของเวียดนาม ห้องที่พักราคาคืนละ 1200 บาท ห้องค่อนข้างกว้างและสบาย มีเครื่องอำอวยความสะดวกครบค่ะ ทั้ง โทรทัศน์ เครื่องเป่าผม ดูเสื้อผ้า อ่างอาบน้าม และอื่นๆ ถ้าเทียบกับความสบาย ก็น่าจะประมาณ 4 ดาวบ้านเราเลยนะค่ะ แต่ราคาค่อนข้างสบายกระเป๋ากว่า แหะๆ
หลังจากพักผ่อนกันแล้วตื่นเช้ามารับวันใหม่ และทานอาหารเช้าที่โรงแรมให้อิ่มท้อง เพื่อเดินทางใช้พลังงานกันทั้งวันค่ะ เช้านี้เน้นบรรยากาศการนั้งรถชมวิถีชีวิต ระหว่างเดินทาง เห็นร้านตัดผมแล้วนึกถึงวิถีชีวิต บ้านเราสมัยก่อนเลยค่ะ ตอนที่เด็กไปเที่ยวบ้าน ปู่ ย่า คิดถึงบรรยากาศเหล่านั้นมาก แต่ตอนนี้บรรยากาศเหล่านั้นเริ่มเลือนลาง หายไปแล้ว
โหลนี้เหมือนกิมจิ หรือดองสักอย่าง ข้างในเป็นกุ้งบ้าง หัวหอมบ้าง ไม่รู้เรียกว่าอะไรเหมือนกัน แต่ไม่เคยเห็นอาหารแบบนี้ที่บ้านเรา เลยถ่ายมาให้ดูเล่นกันค่ะ
ร้านตัดผมพื้นบ้าน ไม่ต้องมีแอร์ปรับอากาศเลยค่ะ คนเวัยดนามใช้ชีวิตกันเรียบง่ายมากค่ะ
ชมบรรยากาศบ้านเมืองมาสักพัก ก็ถึงอดีตเมืองหลวงเก่า ที่รุ่งเรื่องมากก่อนจะโดนถล่มจากสงครามเวียดนาม แล้วเที่ยวชมพระราชวังไดนอย ที่สร้างสมัย พ.ศ. 2347 ที่มีพื้นที่กว้างใหญ่มาก ที่ว่ากันว่า หากปรับปรุงจนแล้วเสร็จจะใช้เวลาเป็นเดือน กว่าจะเดินเที่ยวชมจนทั่วพระราชวัง หากใครมาที่นี้ก็มักจะนิยม
มาแต่งองค์ทรงเครือง ถ่ายรูปเป็นเหล่าฮ่องเต้ นางสนม กันยกใหญ่
เป็นพระราชวังหลวงราชวงศ์เหงียน ในรัชกาลพระเจ้สายาลอง Gia long หรือ องค์เชียงสือ ปฐมกษัตริย์ราชวงศ์เหงียน
ซึ่งเป็นได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลก ชมพระตำหนักพระที่นั่งที่ออกแบบอย่างกลมกลืนธรรมชาติตามแนวคิดของจีนโบราณ
เหตุที่อาคารบ้านเรือนส่วนใหญ่ของเวียดนามจะมีลักษณะคล้ายของจีน เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากการเป็นเมืองขึ้นของจีนมาอย่างยาวนานนั้นเองคร้าา
อ่อ ภายในวังหลวงทีเราเดินชม นั้นมีบริการวาดภาพเหมือนและผลงานของจิตกร มาขายนักท่องเที่ยวด้วยนะค่ะ ว่าแต่จิตกร คนนี้คุ้นเหมือนเคยเห็น อุ้ยๆๆ นั้นมันคุยพ่อนิค่ะ แอบนั้งเนียนเตะท่านะ
ส่วนสมาคมเพื่อนพ่อ หายกันไปเป็นกลุ่ม แอบไปถ่ายรูปเปลี่ยนโฉมกันนี้เอง จำกันไม่ได้เลยว่าใครเป็นใคร
ภาพของพระราชวัง ในช่วงสงคราม และหลังบูรณะค่ะ ทายซิอะไรเอ่ย
หลังคาของพระตำหนัก ที่บอกว่าได้รับอิทธิพลจากจีน
ส่วนใหญ่สีที่ใช้ทาตึกอาคารจะเป็นสีเหลือง เนื่องจากเค้าเชื่อกันว่าสีเหลืองคือสีของกษัตริ์นะค่ะ
พระราชวังยังบูรณะไม่สมบูรณ์นะค่ะ ยังมีอีกจำนวนมากที่กำลังปรับปรุง
ระหว่างทางเดินไป พระตำหนักค่ะ
นอกจากการเดินชมแล้วที่นี้ยังมีบริการรถนำเที่ยวด้วยนะค่ะ เผื่อว่าหลายคนเป็นกับผู้สูงอายุจะได้ไม่เป็นการทรมาณการเดินทางคร้าา
หลังจากเดินชมพระราชวังจนเมื่อยตุ้มแล้ว ใครที่ยังมีแรงและใจสู้ ก็ตามเรามาเลยนะ สถานที่ต่อไปที่เราจะพาไปเยื่อนก็คือ วัดเทียนมู่ค่ะ วัดเทียนมู่เป็นศาสนสถานที่เก่าแก่ และสำคัญของเมือง ซึ่งอดีตเป็นยังเป็นสถานที่พบปะชุมนุมทางการเมือง เมื่อ ปี ค.ศ. 1963 โดยความโดงดังของวัดนี้ ที่ำทำให้คนทั่วโลกรู้จัก คือ ภาพการเผาตัวของเจ้าอาวาสในท่านั่งสมาธิประท้วงรัฐบาลที่ที่ลิดรอนเสรีภาพในการนับถือศาสนา
วิวแม่น้ำหอม
![]() |
ชม-สักการะเจดีย์แปดเหลี่ยมเจ็ดชั้นที่โดดเด่นริมฝั่งแม่น้ำหอม |
ร้านขายของที่ระลึกข้างวัด
เด็กๆเวียดนามน่ารักไหมค่ะ
เสร็จสิ้นสำหรับทริปช่วงเช้ากันแล้ว แต่เด่วก่อนคร้าา ก่อนจะไป หาอะไรก่อนอาหารมื้อเที่ยงกันหน่อยดีไหมถ้าดี มาๆๆ ลองทานกันนะ
อาหารเมนูนี้ คนเวียดนามชอบมานั้งกินกัน เหมือนเห็นอาหารว่างเค้านะ เป็นแป้งแผ่น กินกับผงทรงเครื่อง รสชาติจะออกแนวมันๆ หวาน แล้วเผ็ดเล็กน้อย
กรรมวิธีก่อนได้มาซึ่งอาหารพื้นบ้านนะ
เสร็จแล้วค่ะเมนูแรก
ส่วนเมนูนี้คือเต้าทึงน้ำขิง
ทานเย็นคลายร้อนได้ดีที่เดียว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น